วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

 
Jack Russell Terrier
 
 
 
 
                   แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเมื่อราวปี ค.ศ. 1814 โดยศาสนจารย์ แจ๊ค รัสเซลล์ ผู้ชื่นชอบการไล่ล่าสุนัขจิ้งจอก เขาต้องการสุนัขสายพันธุ์เทอร์เรียร์ขนาดเล็ก ที่จะใช้ไล่ล่าสุนัขจิ้งจอก จนกระทั่งได้สุนัขเทอร์เรียเพศเมียมาตัวหนึ่งชื่อ "ทรัมพ์" จากคนส่งนม ศาสนจารย์ แจ๊ค รัสเซลล์ จึงใช้ทรัพพ์เป็นพื้นฐานจนเพาะพันธุ์ได้เป็น แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ขึ้นมาในที่สุด

ทั้งนี้ ในยุคแรกๆ สุนัข แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย มีความสูงเฉลี่ย 35 เซนติเมตร แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จนได้ สุนัข แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย ที่มีขนาดเล็กลง และมี 2 สายพันธุ์ คือ พาร์สัน แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย และ แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย
 
 
 
 
ลักษณะทั่วไป สุนัข แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย
 
 สุนัข แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย มีลักษณะขน 3 ประเภทคือ ขนเรียบ ขนแตก และขนหยาบ ลักษณะที่ดีของ สุนัข แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย คือควรจะมีกะโหลกโต หูต้องเป็นรูปตัว V และตกไปทางด้านหน้า จมูกและริมฝีปากต้องมีสีดำ ตาควรเป็นสีน้ำตาลเข้มรูปถั่วอัลมอนด์ แฝงด้วยแววตาขี้เล่นและขี้สงสัย ขาต้องตรงและมีกล้ามเนื้อที่ต้นขา หางต้องสั้นและชี้ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขนของสุนัข แจ็ครัสเซล ควรจะมีสีขาวตั้งแต่ 51% หรือมากกว่าขึ้นไปในร่างกาย และมีมาร์คกิ้งเป็นสีน้ำตาลหรือดำ หรือทั้งน้ำตาลและดำ หรือเรียกว่า "TRI COLOURED MARKING" ซึ่ง สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ส่วนใหญ่จะพบที่บนใบหน้า รอบตา หู ที่ก้นถึงหางและเล็กน้อยบนลำตัว
 
                

ลักษณะนิสัย แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย

สุนัข พันธุ์นี้สามารถมีชีวิตได้นานถึง 14 ปี แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรียร์ เป็นนักล่าตัวเล็กๆ ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาเป็นสุนัขที่ฉลาด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่เขาเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน โดยในอดีต แจ๊ค รัสเซล จะไล่ล่าไปตั้งแต่สุนัขจิ้งจอกจนถึงหนูตัวเล็กๆ พวกเขาจะใช้เวลาในการสำรวจพื้นที่ก่อนจะทำการไล่ล่า เพื่อความแม่นยำ

นอกจากนี้ สุนัข แจ๊ครัสเซล ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้เขาอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี
 
 

 
เรื่องควรรู้ก่อนคิดเลี้ยง สุนัข แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

1. แจ๊ครัสเซล เป็นสุนัขตื่นตัวตลอดเวลา มันควรได้รับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรอยู่ในความควบคุมดูแลและควรได้รับการฝึกสอนจากเจ้าของ หรือฝึก

2. แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลและเวลาจากเจ้าของอย่างมาก เนื่องจากเป็นสุนัขที่ชอบเข้าสังคมและขี้เล่น

3. ผู้เลี้ยง สุนัข พันธุ์แจ๊ค รัสเซล เทอร์เรีย ควรจัดระบบการเลี้ยงให้ถูกต้อง เช่นต้องมีรั้วรอบขอบชิด เพราะ สามารถกระโดดได้สูงมาก รวมถึงปีนป่าย แม้กระทั่งขุดรูเพื่อหนีเที่ยวถ้ามันรู้สึกเบื่อหรืออยากหาอะไรสนุกตื่นเต้น ทำ

4. เพื่อความปลอดภัยของ สุนัข ผู้เลี้ยง แจ๊ครัสเซลล์ ควรจะใช้สายจูงตลอดเวลาที่พาไปเดินเล่น เนื่องจาก แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่มีความรวดเร็วและคล่องตัวสูงมาก
 
 


วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555




German Shepherd


{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


     สิ่งที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นเยอรมันเช็พเพอดที่ดีคือ ความแข็งแรงว่องไว เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตื่นตัวและมีชีวิตชีวา มองโดยรวมแล้วจะกลมกลืนและได้สัดส่วนกันระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้าย ตัวจะยาวกว่าส่วนสูง ลำตัวลึก เส้นรอบตัวจะเป็นเส้นโค้งที่กลมกลืนแทนที่จะเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดค่อนข้างใหญ่และอ่อนแอ ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวถึงความกระชับของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล

 

{pic-alt} ความเป็นมา


     มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อัลเซเชี่ยน" ผู้คนนับพันนับหมื่นทีต้องอยู่ในโลกมืด ได้อาศัยเจ้าเยอรมันเช็พเพอดนี่แหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงนำทางไหนต่อไหนได้ พิทักษ์สันติราษฎร์ในเยอรมันนี แคนาดา ตามตรอกซอกซอยของบัลติมอร์ หรือในสวนสาธารณะของไฮด์ปาร์คที่มืดสลัว ไปด้วยม่านหมอกในใจกลางกรุงลอนดอน

     ย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานรักษากฎหมาย ที่ไม่ย่นระย่ออย่างใดทั้งสิ้น เขาทำหน้าที่เฝ้าเหมืองเพชรในคิมเบอร์ลี่ย์ก็ได้ เฝ้าโรงเรียนในนิวยอร์คก็ได้ หรือให้เฝ้าฐานทัพอากาศที่ทริโปลีก็ได้ ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ได้ช่วยชีวิตคนไว้เท่าไรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่สอง โดยที่การดมกลิ่นหาทหารบาดเจ็บบ้าง ถือสารและลำเลียงเวชภัณฑ์บ้าง คอยเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตีบ้าง ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเลเพื่อกันการก่อวินาศกรรม และค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ในยามไม่มีศึกสงคราม มันก็ทำงานเป็นการกุศล

     เนื่องจากจมูกที่ไวสามารถนำคนค้นหาพวกที่ถูกหิมะถล่ม ฝังเอาไว้ในเทือกเขาแอลป์ของสวิส ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้มีรูปร่างที่สวยงาม เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการผสมของสุนัขต้อนแกะหลายชนิดมานับศตวรรษ ซึ่งรวมเอาสุนัขที่มีขนาดย่อมแต่ว่องไวของท้องทุ่งเยอรมันภาคเหนือ กับสุนัขที่โตล่ำสันกว่าของภูมิภาคที่เป็นขุนเขาทางใต้เอาไว้ด้วย แม้จะสิ้นศตวรรษที่ 19 ยุคเลี้ยงแกะของเยอรมันได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตามนักเพาะพันธุ์สุนัขไม่กี่คนก็ยังพยายามสงวนพันธุ์อันมีคุณสมบัติอันวิเศษในการเลี้ยงแกะเอาไว้

     ซึ่งนับว่าควรแก่การยกย่องมากที่สุดได้แก่ ร้อยเอกทหารม้าผู้หนึ่งชื่อ มาร์กฟอนสเตฟานิตช์ ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรงแข็งขัน เพื่อที่จะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เข้ามาตรฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1889 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างเดียว จากความพยายามของร้อยเอกฟอนสเตฟานนิตช์กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และแล้วผลที่ได้ก็น่าภาคภูมิใจ ที่เมื่อมองสุนัขพันธุ์นี้ขณะที่มันปฏิบัติตามคำสั่งของนายโดยไม่ผิดพลาด



{pic-alt} ลักษณะนิสัย


     เยอรมันเช็พเพอดมีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้นและตื่นตัวกระฉับกระเฉง เต็มใจจะรับใช้เต็มที่ในลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนำทางผู้ที่อยู่ในโลกมืด เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ หรือทำหน้าที่อารักขา สุนัขจะไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผู้เป็นเจ้านาย ไม่ควรจะอ่อนไหว ไม่มองไปรอบๆ หรือแหงนหน้ามอง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก โดยจะหางตกเมื่อได้ยินเสียงหรือมองเห็นสิ่งแปลกๆ หากสันขมีอุปนิสัยดังกล่าวข้างต้นจะถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องอย่างร้ายแรง สุนัขจะต้องยอมให้กรรมการตรวจฟันและลูกอัณฑะ ถ้าหากสุนัขกัดกรรมการจะต้องถูกไล่ออกจากสนามประกวด สุนัขที่อยู่ในอุดมคติควรที่จะสามารถใช้งานในลักษณะที่ไม่หยิบโหย่ง ผสมผสานกับลำตัวและการก้าวย่างที่เหมาะกับงานการที่ทำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน

 

{pic-alt} การดูแล


     เยอรมัน เชพเพิร์ด ต้องการการดูแลเอาใส่ใจ เขาเป็นสุนัขที่ร่าเริง และต้องการสิ่งเร้าทางใจอยู่บ้าง ดังนั้นการพาเดินควบคู่กับการฝึก เช่นการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งหรือ ให้ไปเก็บลูกบอลที่ปาออกไปเป็นประจำ จะเพิ่มคุณภาพชีวิตของสุนัขได้ดี การตัดแต่งขนเพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ

{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ผู้เหมาะสมที่จะเลี้ยง เยอรมัน เชพเพิร์ด คือคนที่สามารถสั่งและควบคุมสุนัขของเขาได้ และในทางกลับกันก็ต้องให้ความเคารพในตัวสุนัขด้วย คนเหล่านี้ควรจะร่าเริง และมีความสุขกับสุนัขของเขาโดยปราศจากอาการหัวเสียหรือคาดหวังให้เป็นสุนัขขี้อ้อน

 

{pic-alt} ข้อควรจำ


     การเลือกซื้อ เยอรมัน เชพเพิร์ด ให้ดี ควรแน่ใจว่า ทั้งประวัติพ่อพันธุ์และประวัติแม่พันธุ์ของลูกสุนัขตัวนั้นผ่านการตรวจโรคข้อสะโพกอักเสบแล้ว สภา เยอรมัน เชพเพิร์ด ของออสเตรเลีย ยังมีหลักสูตรการปรับปรุงพันธุ์ที่จะช่วยกรองสุนัขเพศผู้ ที่เป็นโรคโลหิตจางและโรคข้อศอกอักเสบอีกด้วย

 

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

 
ขนาดสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดที่นิยมกัน จะอยู่ในสัดส่วนของความยาวต่อความสูงอยู่ระหว่าง 10 ต่อ 8.5 ความสูงของสุนัขเพศผู้วัดจากจุดสูงสุดของไหล่อยู่ระหว่าง 24-25 นิ้ว ส่วนเพศเมีย 22-24 นิ้ว ความยาววัดจากกระดูกอกไปยังตอนท้ายของกระดูกสะโพก
ศรีษะแข็งแรงได้สัดส่วนกับลำตัว ศีรษะของเพศผู้แลดูล่ำสัน ส่วนเพศเมียก็อ่อนช้อย ปากยาวและแข็งแรง มองจากด้านหน้าหน้าผากจะโค้งเล็กน้อย กะโหลกศีรษะลาดเทยาวเป็นรูปลิ่ม ดั้งจมูกจะไม่หักมาก กรามแข็งแรง
ฟัน42 ซี่ ข้างบน 20 ซี่ ข้างล่าง 22 ซี่ แข็งแรงและสบกันแบบกรรไกร ฟันข้างบนยื่นไปข้างหน้าหรือการสบแบบเสมอเป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ฟันล่างที่ยื่นไปข้างหน้าเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง ถ้าหากฟันซี่อื่นที่นอกเหนือไปจากฟันกรามเล็กก็ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงเช่นกัน
ปาก-
ตาขนาดปานกลาง รูปร่างเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ตั้งแบบเฉียงเล็กน้อยแต่ไม่โปนออกมา ตาควรจะดำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีแววตาที่ฉลาดและเฉียบแหลม
หูแหลมพอประมาณได้สัดส่วนกับกะโหลกศีรษะและเปิดไปข้างหน้า และจะตั้งชันเมื่อตั้งอกตั้งใจ หูที่อยู่ในอุดมคติเส้นกลางของใบหูเมื่อมองจากด้านหน้า จะขนานกันและจะตั้งฉากกับพื้น หูที่ถูกตัดหรือห้อยจะต้องถูกคัดออกจากสนามประกวด
จมูก-
คอแข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ค่อนข้างยาวได้สัดส่วนกับศีรษะ หนังไม่หย่อนยาน เมื่อสุนัขตั้งใจหรือตื่นเต้นศีรษะจะชูสูง คอจะยืดออก โดยทั่วไปศีรษะจะยื่นไปข้างหน้ามากกว่าชูสูง แต่จะสูงกว่าไหล่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเคลื่อนไหว
อก-
ลำตัวโครงสร้างโดยรวมทำให้เกิดความรู้สึกถึงความลึกและแน่น แต่ไม่เทอะทะ อกควรจะเต็มและลงลึกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง อกกว้างมีเนื้อที่มากพอสำหรับหัวใจและปอดซี่โครงยาวและโค้งไม่เป็นรูปถังเบียร์หรือแบนมากเกินไป และไปจรดส่วนอกลงไปถึงข้อศอก หากซี่โครงอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องจะทำให้ศอกหดกลับอย่างอิสระ ในขณะที่สุนัขกำลังวิ่งเหยาะๆ หากกระดูกซี่โครงโค้งออกมามากเกินไปจะทำให้ข้อศอกกางออก
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลัง-
หางเป็นพวงข้อกระดูกสันหลัวข้อสุดท้ายอย่างน้อยจะยื่นไปต่อกระดูกขาหลัง หางตั้งอยู่ตรงตะโพกและห้อยลงขณะที่อยู่ในท่าพัก หางจะโค้งเล็กน้อย เมื่อสุนัขตื่นเต้นหรือกำลังเคลื่อนไหวหางจะโค้งและยกขึ้น แต่ไม่ควรโค้งไปข้างหน้าและเลยเส้นตั้งฉาก หางที่สั้นเกินเป็นข้อบกพร่องอย่างมาก หากหางถูกตัดจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ประกวด
ขนควรมีขนสองชั้นและยาวปานกลาง ขนชั้นนอกควรจะแน่นมากที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ ขนเหยียดตรง หยาบแนบไปกับลำตัว ขนชั้นนอกเป็นลอนเล็กน้อย ศีรษะรวมทั้งข้างในหู หน้าผาก ขาและเท้าจะปกคลุมด้วยขนสั้น ส่วนคอจะปกคลุมด้วยขนที่หนาและยาวกว่า ด้านหน้าของขาหน้าและขาหลังจะมีขนยาว และยื่นไปปกคลุมข้อเท้าและข้อขาหลังตามลำดับ ขนที่นิ่มและคล้ายไหม, ขนชั้นนอกยาวเกินไป, ขนเหมือนขนสัตว์และหยิกเป็นลอนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
สีขนไม่มีสีที่แน่นอน แต่จะนิยมสีเข้มมากกว่า หากจมูกสีอ่อน สีฟ้าหรือเป็นสีตับเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง หากขนสีขาวหรือมีจมูกไม่ดำจะถูกห้ามไม่ให้ลงประกวด

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

 



Labrador  Retriever





                    ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก สุนัขพันธุ์นี้คล้ายคลึงกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ต่างกันที่ความยาวของขนและขนาดของกล้ามเนื้อลำตัว โดยลาบราดอร์จะมีขนที่สั้นกว่า เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก เพราะมีนิสัยเป็นมิตร
ทั้งนี้ ลาบราดอร์ มีจุดเด่นในเรื่องของความฉลาด มีคุณสมบัติในการตามกลิ่นได้เป็นเยี่ยม ลาบราดอร์ จึงมักถูกเลือกมาฝึกเพื่อใช้ในงานข้าราชการ ดังภาพที่เราจะเห็นเป็น สุนัข ตำรวจหรือ สุนัข กู้ภัย หรือกระทั่งใช้นำทางคนตาบอด
ชื่อสายพันธุ์ ลาบราดอร์ ได้มาจากแหล่งต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ คือ คาบสมุทร ลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา แต่เดิมนั้นชาวประมงจะใช้ สุนัข ลาบราดอร์ ในการเก็บเหยื่อ จำพวกปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรืออาจจะใช้ให้ไปคาบเป็ดป่าที่ถูกยิงตกลงไปบนน้ำที่เย็นเฉียบ

ในปี พ.ศ.2378 มีผู้นำ สุนัข ลาบราดอร์ ลงเรือหาปลาไปขึ้นฝั่งที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้มีผู้พัฒนาสายพันธุ์มาเป็น สุนัข ล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็น สุนัข กู้ภัยด้วย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง สุนัข ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็น สุนัข ที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก


 


 

 ลักษณะสายพันธุ์ของ สุนัข ลาบราดอร์

ลาบราดอร์ จะมีขนสองชั้น ชั้นนอกสั้น เหยียดตรง และแน่น ขนชั้นในนุ่มและช่วยปกป้องจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายได้ดี สีขนเป็นสีดำ สีเหลือง หรือสีช็อคโกแลต บางครั้งอาจมีจุดขาวบริเวณหน้าอก หางของ ลาบราดอร์ ดูคล้ายหางของตัวนาก โคนหางจะหนาและเรียวลงจนถึงปลายหาง

ส่วนนิสัย "ลาบราดอร์" เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์และน่าเลี้ยงที่สุดพันธุ์หนึ่ง ฝึกง่าย ตื่นตัว กระฉับกระเฉง ช่างประจบ ใจดี และ ฉลาด สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เป็นมิตรกับคนและสัตว์อื่น เป็น สุนัข ที่รักเด็ก และชอบเล่นกับเด็ก นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสะกดรอยและการปราบปรามยาเสพติด




 อาหารและการเลี้ยงดู ลาบราดอร์

สถานที่เลี้ยง ลาบราดาร์ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ และควรใส่ใจดูแลสุขภาพ ควรแปรงขนให้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การเดินและวิ่งเล่นในที่ที่ไม่พลุกพล่านถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี และเนื่องจาก ลาบราดอร์ เป็นสุนัขที่ไม่กลัวน้ำ ชอบว่ายและเล่นน้ำ หากมีเวลาก็ควรให้ได้ลงไปว่ายน้ำเก็บของบ้าง

สำหรับ สุนัข ที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน ใครที่คิดจะเลี้ยง สุนัข ลาบราดอร์ บ้านของคุณควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน ไว้ให้พวกเขาได้วิ่งเล่น และพวกเขายังเป็นจอมเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณสวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาตให้ ลาบราดอร์ เล่นได้

ในเรื่องของอาหาร สุนัข ลาบราดอร์ จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้น จึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของ สุนัข และที่สำคัญควรจะพา สุนัข ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรคกระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ การตรวจพบตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก จะทำให้รักษาได้ผลดีกว่า


 โรคที่มักเกิดกับ สุนัข ลาบราดอร์
          


โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia ) เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากใน สุนัข พันธุ์ใหญ่ ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมดใน สุนัข โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน
       
โรคกระดูกอ่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับ สุนัข ที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกไม่สมบูรณ์ จะมีอาการที่พบเห็นทั่วไป คือ สุนัขมีอาการขาโก่ง หรือ ขณะเดินจะสังเกตว่าขาจะไม่มั่นคง จะปัดไปปัดมา ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่กำลังเจริญวัย กินอาหารครั้งละมากๆ กินแล้วก็นอน ฯลฯ และผลที่ตามมา ขาก็จะลีบเล็กลง โดยที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย จนทำให้ขาเสียในที่สุด

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ให้อาหาร สุนัข ไม่ต้องมากในแต่ละมื้อ โดยอาจจะเพิ่มจำนวนมื้อให้มากยิ่งขึ้น และให้เวลากับสุนัขของคุณ ในการพาเค้าออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายยามว่าง ที่สำคัญอาหารที่ให้ก็ควรมีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ไม่ควรที่จะให้ ข้าวคลุกกับข้าว ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรจะให้สลับกับอาหารสำเร็จรูป สำหรับสุนัขบ้าง เพราะอาหารเหล่านั้นจะมีสารอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

                       โรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ กล่าวคือ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ และก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ของร่างกายโดยแสดงออกทางผิวหนัง อาการที่พบคือ สุนัขจะมีอาการขนร่วง เช่น ข้างลำตัว รอบก้นและหาง หน้าอก ในสุนัขอายุมากมักพบรังแคกระจายทั่วร่างกาย อาจพบผิวหนังมีเม็ดสีสะสม มักพบเป็นสีดำ อาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย ซึ่งโรคนี้มักพบในสุนัขอายุ 6-10 ปี แต่ถ้าเป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่สามารถพบในอายุน้อยกว่า 6 ปีได้ ดังนั้น หากสุนัขของคุณมีอาการดังนี้ แนะนำให้พาสุนัขมาตรวจกับสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด

                     โรคประสาทตาเสื่อม อาจเรียกได้ว่าเป็นโรคประจำของ สุนัข ลาบราดอร์ เนื่องจากพบอัตราการป่วยมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยอาการจอตาเสื่อมมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับบริเวณของจอตาที่มีปัญหา อาการที่สังเกตได้คือ สุนัข จะมองภาพได้ไม่ชัดเจนในที่มีแสงน้อย และเจ้าของจะรู้สึกว่าตาแวววาวผิดปกติ เนื่องจากม่านตาขยายเพื่อให้แสงผ่านไปได้มากขึ้น สุนัข อาจเห็นภาพได้แคบลง จึงต้องหันหัวมอง หรืออาจเดินชนสิ่งของ ส่วนใหญ่อาการนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่เป็นจะต้องตาบอดอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องได้รับตรวจอย่างละเอียด

                    โรคต้อกระจก มักเกิดกับ สุนัข ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยจะมองเห็นแก้วตามีลักษณะขุ่นขาว ซึ่งสุนัขยังพอมองเห็นได้ แต่ถ้าแก้วตาขุ่นเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้มองไม่เห็น เนื่องจากแสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอรับภาพได้ ทั้งนี้สาเหตุเป็นเพราะโรคเบาหวาน หรือได้รับบาดเจ็บ มีแผลที่ตา อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกอาจจะพบได้ในสัตว์อายุน้อยตั้งแต่เกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจากเป็นมาตั้งแต่เกิด สำหรับการรักษา ควรรีบพาสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้

                   โรคลมบ้าหมู จะทำให้ สุนัข ชักบ่อยๆ และควบคุมการทรงตัวไม่ได้ การแก้ไขเบื้องต้น ควรหาสถานที่ให้ สุนัข อยู่อย่างสงบในห้องที่มืดๆ จนกว่าอาการชักจะทุเลาลง ในระหว่างที่ สุนัข ชักอย่าได้เข้าไปจับตัวเด็ดขาด เพราะมันอาจหันมากัดได้ ทั้งนี้ ยารักษาโรคลมบ้าหมูอาจช่วยลดอาการชักให้น้อยลงได้ แต่ควรปรึกษาการใช้ยาจากสัตวแพทย์ สำหรับสาเหตุของโรคชักเกิดจากพยาธิในลำไส้เป็นตัวการสำคัญ



 

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Spitz Dog

 
 
ประกอบด้วยสปิทซ์พันธุ์ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian) พันธุ์คีชอนด์ (Keeshond )และพันธุ์สปิทซ์จิ้งจอก (Wolfs spitz)
ความสูง/น้ำหนัก สปิทซ์พันธุ์ปอมเมอเรเนียนที่นิยมเลี้ยงไว้โชว์จะมีน้ำหนักระหว่าง 3ถึง 7 ปอนด์ ส่วนน้ำหนักที่เหมาะสำหรับพันธุ์ที่เลี้ยงไว้เพื่อประกวดนี้จะมีน้ำหนักระหว่าง 4 ถึง 5ปอนด์เท่านั้น พันธุ์คีชอนด์เพศผู้จะสูงประมาณ 18 นิ้ว เพศเมียจะสูงราว 17 นิ้ว หนักประมาณ 50 ปอนด์ ส่วนพันธุ์สปิทซ์จิ้งจอกนั้นจะสูงประมาณ 18 ถึง 22 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 55 ถึง 61 ปอนด์
 
 

 
สี สปิทซ์ปอมเมอเรเนียน สีต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในการตัดสินอย่างเท่าเทียมกันก็มีสีเดียวกันสีอะไรก็ตามที่มีเฉดสีเข้มหรือสีจางหรือสีเดียวกันสีอะไรก็ตามที่มีเฉดสีดำปน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีดำและสีแทน สุนัขสปิทซ์พันธุ์คีชอนด์จะมีสีผสมของสีเทากับสีดำ สีขาว และสีน้ำตาลแก่ส่วนพันธุ์สปิทซ์จิ้งจอกจะมีสีเทาเงินปนดำในบางส่วนของร่างกาย ส่วนตรงบริเวณปาก หน้าท้องขา และหางจะมีเฉดสีจาง
เหมาะสำหรับ คนที่อยู่ห่างจากเพื่อนบ้าน ไม่ค่อยมีบ้านอยู่ติดกัน เพราะเพื่อนบ้านอาจจะรำคาญเสียงเห่าหอนของสุนัขพันธุ์นี้
 
 
ไม่ค่อยเหมาะสำหรับ คนที่ขี้ตกใจหรือคนที่ทนไม่ได้กับขนสุนัขที่ร่วงหล่นเรี่ยราดเต็มพื้นบ้านไปหมด มีทั้งสีขาว สีดำ สีเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีพรม ขนสุนัขพันธุ์สปิทซ์จะติดเต็มไปหมด
สิ่งจำเป็น บ้านที่จะเลี้ยงสุนัขสปิทซ์ ควรจะมีเนื้อที่ได้สัดส่วนกับขนาดของพันธุ์ เป็นอพาร์ทเมนท์ในเมือง หรือบ้านในชนบทก็แล้วแต่ ควรให้สุนัขพันธุ์นี้ได้มีกิจกรรม หรือมีอะไรเล่นหรือมีอะไรทำอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้อยู่นิ่งเฉย และควรมีอะไรให้มันได้เฝ้าดูแลคอยป้องกัน การ
เสริมสวยควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์

 
 
 
จุดเด่น สปิทซ์เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเจ้าของ ครอบครัว และเด็ก ๆ เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ไว้วางใจได้ เป็นสุนัขที่อยู่ติดบ้านและอาณาบริเวณหรืออาณาเขตของตัว และจะปกป้องเป็นอย่างดีสปิทซ์เป็นสุนัขที่มีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง และฉลาด ชอบให้สอน
 
ข้อเสีย สุนัขชนิดนี้สลัดขนบ่อยและมีจำนวนมาก ชอบเห่าพันธุ์ยิ่งเล็กยิ่งชอบเห่า สปิทซ์ทุกพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ปอมเมอเรเนียนพันธุ์คีชอนด์ หรือพันธุ์สปิทซ์จิ้งจอก จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เฝ้าฟาร์ม เฝ้าอพาร์ทเมนท์ หรือเฝ้าที่อยู่อาศัย ที่ไม่เคยละเลยหน้าที่ สุนัขพันธุ์นี้จะเห่าบอกให้ทราบทันทีที่มีสิ่งใดผิดหูผิดตาปรากฏขึ้นในละแวกบ้าน มันจะเห่าทันทีและเห่าเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยาน หรือแม้แต่ห่อของที่แปลกตาสำหรับมัน และสุนัขพันธุ์สปิทซ์นี้จำต้องได้รับการ เอาใจใส่ดูแลขนอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสุนัขที่มีขนน่ารัก ขนสวย ขนยาวตกจึงควรได้รับการหวีแปรงขนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับสปิทซ์พันธุ์ปอมเมอเรเนียนนี้มักจะมีปัญหาเรื่องย่อยอาหาร ดังนั้น อาหารที่เราจะให้ ควรได้รับการระมัดระวังเป็นพิเศษ
ช่วงชีวิต ส่วนใหญ่แล้วสุนัขสปิทซ์ ทั้ง 3 พันธุ์ จะมีอายุประมาณ 12 ถึง 14 ปี แต่บางทีก็มากกว่านั้น