วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556



..Golden Retriever..




{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


     โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกๆ และสุนัขที่มีความปราดเปรียวและอดทน ลีลาในการย่างก้าวหรือไหวเป็นไปด้วยความนิ่มนวล

{pic-alt} ความเป็นมา


     โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขในกลุ่มสแปเนี่ยล ซึ่งเป็นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญทางน้ำเป็นพิเศษ โดยมีขนาดเล็กกว่าสุนัขพันธุ์นิวฟาวน์แลนด์ แต่มีลักษณะโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน สันนิษฐานว่าอาจผสมข้ามพันธุ์มาจากสุนัขพันธุ์ไอริชเซทเทอร์ และสุนัขในกลุ่มวอเตอร์สแปเนี่ยล โดยอาจมีสายเลือดของสุนัขพันธุ์บลัดฮาวน์เข้าไปเจือปนอยู่ด้วย





{pic-alt} ลักษณะนิสัย


     นิสัยสุภาพ น่ารัก มีเสน่ห์ ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ และเสียสละรักเจ้าของได้เท่ากับสุนัขพันธุ์ โกลเด้นฯนี้ ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์นี้ใจดี ชอบอยู่กับคนและสัตว์อื่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ค่อนข้างติดคนหรืออยากให้เจ้าของสนใจ โกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่ฝึกง่าย มันชอบเห่าเมื่อมีคนอยู่หน้าประตูบ้าน แต่มีบ่อยครั้งที่การเห่านั้นเป็นการแสดงการทักทายมิใช่การขู่


{pic-alt} การดูแล


     โกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง เพื่อป้องกันขนพันกัน การแปรงขนบ่อยๆ จะทำให้โกลเด้นฯ ดูสวยได้ ผู้เลี้ยงควรดูแลเรื่องเห็บ หมัด การระคายเคืองที่ผิวหนัง ขณะที่ทำการแปรงขน

     โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่ชอบสังคมและ ไม่ชอบถูกทิ้งให้อยู่ลำพังตัว อย่าปล่อยให้สุนัขออกไปนอกบ้านโดยไม่มีคนไปด้วย ผู้เลี้ยงควรพาสุนัขไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวันหรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่นเก็บลูกบอลหรือว่ายน้ำกับสุนัขตัวอื่น เพื่อผ่อนคลายความเครียดและเพื่อนสุขภาพที่ดี


{pic-alt}



{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ครอบครัวที่มองหาสุนัขที่เต็มไปด้วยความสุภาพและน่ารัก ต้อง โกลเด้นฯ เลยครับ


{pic-alt} ข้อควรจำ


     โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ทั่วไปก็มีปัญหาเหมือนหลายๆ สายพันธุ์เช่นกัน สิ่งหนึ่งคือ โรคที่เกิดจาก การถ่ายทอดจากพ่อแม่ถึงลูกสุนัข, รวมถึงโรค ข้อสะโพกอักเสบ โรคตาบางอย่าง อารมณ์ที่ไม่สม่ำเสมอ ของสุนัข ควรขอคำปรึกษา จากสัตวแพทย์ หากพบปัญหาเหล่านี้ ผู้ผสมพันธุ์ที่มีชื่อเสียงจะไม่มีความลังเลที่จะให้สัตวแพทย์ช่วยตรวจเลือกลูกสุนัขก่อนการซื้อ    


{pic-alt}




{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์
 

ขนาดมีความสูงประมาณ 21 - 24 นิ้ว
น้ำหนักอยู่ในช่วงระหว่าง 55 - 75 ปอนด์
ศรีษะกะโหลกใหญ่และกว้างโค้งได้รูปสวยงาม ไม่หยักเป็นร่องลึกหรือโหนกนูนจนมีลักษณะเป็นรูปโดม หนังบริเวณใบหน้าควรจะเรียบตึง
ฟันต้องขบกันได้แนบสนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันด้านหน้าแถวบนขบเกยอยู่ด้านนอก ซึ่งลักษณะของฟันสำหรับสุนัขพันธุ์โกลเด้น
ปาก-
ตา-
หูหูควรสั้นพอประมาณ ใบหูมีลักษณะห้อยปกลงแนบกับส่วนแก้ม รูปทรงค่อนไปทางรูปสามเหลี่ยม ปลายมน
จมูกจะต้องเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล ส่วนจะเข้มหรืออ่อนก็ขึ้นอยู่กับสีขน แต่ถ้าจมูกเป็นสีชมพูถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง
คอควรยาวพอประมาณ ลำคอควรตั้งบนหัวไหล่ แลดูมั่นคงกล้ามเนื้อแลเห็นเด่นชัด ขนบริเวณรอบคอห้ามมีการตกแต่ง
อก-
ลำตัวโครงสร้างลำตัวกระชับได้สัดส่วน อกลึกและกว้าง ความกว้างของอกอย่างน้อยควรมีขนาดพอๆ กับ ฝ่ามือของผู้ชายวางทาบเสมอพอดี ส่วนความลึกของอกควรลึกเสมอข้อศอกขาหน้า กระดูกซี่โครงควรโค้งได้รูปแข็งแรง
เอว-
ขาหน้า-
ขาหลัง-
หางควรตั้งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดต่อจากเส้นหลัง หางมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะบริเวณโคนหางควรจะมีกล้ามเนื้อ
ขนขนดกแน่น สามารถปกป้องน้ำได้เป็นอย่างดี ขนมี 2 ชั้น ขนชั้นนอกจะยาวและมีลักษณะค่อนข้างแข็ง เส้นขนมีความยืดหยุ่นในตัว สำหรับขนบริเวณด้านหลังของขาและใต้ท้องจะมีลักษณะค่อนข้างอ่อนนุ่มกว่าขนตามลำตัว
สีขนสีต้องเป็นสีน้ำตาลออกทอง ส่วนจะมีสีเข้มอ่อนไม่มีปัญหา ขนตามใบหน้าและลำตัวอาจจะมีเหลือบเทาหรือขาวก็ได้ แต่ถ้าเป็นรอยแต้มด่างสีขาว หรือมีขนสีขาวขึ้นแซมถือเป็นข้อบกพร่อง



วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

poodle


{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


พูเดิ้ลที่มีสายพันธุ์ดีจะเป็นสุนัขที่ฉลาดและตอบสนองไวที่สุดในบรรดาสุนัข ทั้งหมด พูเดิ้ลมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาดมาตรฐาน ขนาดเล็ก และขนาดทอย(ตุ๊กตา) พูเดิ้ลทุกขนาดจะเป็นสุนัขที่น่าหยิกน่าหมั่นไส้ แสนประจบ ซน และขี้เล่น พูเดิ้ลพันธุ์เล็กกับพันธุ์ทอยมีอุปนิสัยที่ไม่ค่อยไว้ใจคนแปลกหน้า และมีความอดทนกับเด็กน้อยกว่าพันธุ์สมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พูเดิ้ลเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งคุณก็ควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ข้อเสียของมันก็คือมันมีนิสัยชอบเห่า แต่คงเพราะตัวเล็กไปหน่อยจึงได้แต่เห่าอย่างเดียว ทำอะไรใครไม่ได้ สุนัขพันธุ์นี้เหมาะที่จะเลี้ยงในคอนโด แต่ก็ควรให้ได้รับการออกกำลังกายพอสมควรด้วยแต่ถ้าใครคิดจะเลี้ยงเจ้าพุด เดิ้ลขนาดจิ๋ว (เล็กกว่าพันธุ์ทอย) ก็จงระวังให้ดี เพราะมันค่อนข้างขี้โรคและมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย

{pic-alt} ความเป็นมา


พูเดิ้ล มีชีวิตอยู่หลายศตวรรษ และมีเอกสารอ้างอิงมากมายว่าพบในเยอรมนี อังกฤษ อิตาลีและฝรั่งเศสหลักฐานที่พบเป็นภาพสุนัขที่ถูกตัดขนให้ดูคล้ายสิงห์โต โดยส่วนท้ายของลำตัวจะไม่มีขนปกคลุม ยกเว้นบริเวณรอบขาและหางที่มีขนลักษณะพองฟูขณะที่ลำตัวส่วนหน้าเต็มไปด้วยขนที่หนา ยกเว้นบริเวณใบหน้าและขาหน้าซึ่งเป็นการยืนยันว่าในยุคนั้น พูเดิลถูกใช้เพื่อเกมกีฬาเก็บคาบ แต่ก่อนขน พูเดิล จะหนักมากเวลาตัว เปียกต้องคอยตัดออกบ้าง หางยังยาวเป็นพุ่ม มีริบบิ้นผูกไว้ที่ปลายหาง ในขณะปฏิบัติงานเพื่อแยกพูเดิลออกจาก นกหรือสัตว์อื่นๆ
   
 Dogilike.com :: 8 เหตุผลที่ พุดเดิ้ล เป็นน้องหมาสุดฮิตตลอดกาล

{pic-alt} ลักษณะนิสัย


ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ขนาดใด ทุกคนจะรู้ถึงความเฉลียวฉลาดของ พูเดิ้ล เป็นอย่างดีพวกเขาดูมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยมิตรภาพและเป็นผู้คุ้มกันที่ยอดเยี่ยม

{pic-alt} การดูแล


พูเดิ้ล เหมือนกับสายพันธุ์อื่นที่มีขนสองชั้นเป็นปุย ดูคล้ายขนแกะ มีการผลัดขนเหมือนสุนัขพันธุ์อื่นๆ แต่จะจับตัวอยู่กับขนชั้นในซึ่งต้องคอยตัดแต่งขน พูเดิล สม่ำเสมอไม่เช่นนั้นขนจะจับตัวกันเป็นก้อน จนดูแลอยาก

ถึงแม้ว่าเราต้องคอยดูแลเรื่องขนของ พูเดิล เป็นพิเศษ แต่จะเป็นผลดีต่อคนที่มีอาการแพ้ขนสัตว์ และป้องกันขนและกลิ่นของสุนัขไปติดพรม เฟอร์นิเจอร์ หรือเสื้อผ้าได้ด้วยอาหารที่ครบถ้วน คุณค่าสารอาหารและสมดุล รวมทั้งการออกกำลังกาย เป็นสิ่งจำเป็นกับสุนัขทุกตัว

มากที่สุด แล้วคุณจะได้รางวัลกลับคืนเป็นความรัก ความภักดี และการปกป้องจาก พูเดิล ของคุณเท่าที่เขาจะทำได้
 Dogilike.com :: 8 เหตุผลที่ พุดเดิ้ล เป็นน้องหมาสุดฮิตตลอดกาล

{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


เหมาะกับผู้เลี้ยงเกือบจะทุกคน ทอย พูเดิ้ล พัฒนาเพื่อเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนให้กับผู้ที่มีที่อยู่อาศัยขนาดเล็กหรือมีพื้นที่ไม่มากนัก

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดพุดเดิ้ล มี 3 ขนาดและจัดอยู่ในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ Standard Poodle มีขนาด ความสูงไม่ต่ำกว่า 15 นิ้ว Miniatrue Poodle มีความสูง 11-15 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาดนี้ จัดอยู่ในกลุ่มของ Non-Sporting Toy Poodle มีขนาดความสูงไม่เกิน 11 นิ้ว จัดอยู่ในกลุ่ม Toy ส่วนขนาด Tea-Cup ซึ่งเล็กกว่า Toy Poodle เป็นเพียงขนาดไม่ได้จัดประกวด มีความสูงตั้งแต่ 8 นิ้วลงไป นับเป็น Pet-Quality ที่นิยมเลี้ยงกันเท่านั้นจะเข้าประกวดไม่ได้เลย ถือเป็น Poodle ที่ด้อยผิดมาตรฐานของสายพันธุ์ Poodle ทั่วๆ ไป
ศรีษะหัวกะโหลกมีลักษณะค่อนข้างกลม แก้มค่อนข้างแบนหากมองจาด้านบน ลักษณะจากส่วนหัวถึงปลายจมูกจะมีลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ
ฟันขาวแข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ปากความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก สันปากตรงแข็งแรง ริมฝีปากตึงไม่ห้อยหย่อนยานหรือปากล่างหนาจนเกินไป
ตามีลักษณะเป็นรูปกลมค่อนข้างรี คล้ายผลอัลมอนด์ ตาสีเข้ม ขอบตาเข้ม ตามีแววร่าเริง ตื่นตัวเสมอ
หูห้อยแนบชิดส่วนหัว โคนหูจะอยู่ในระดับต่ำกว่าตาเล็กน้อย หูมีขนยาว ใบหูค่อนข้างกว้างและหนา
จมูกมีมุมหักพอสมควรหรือลาดลง
คอมีขนาดค่อนข้างยาว ทำให้ Poodle ดูสง่างาม ขณะเชิดหัวขึ้นหนังคอตึง คอประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
อกลึก กว้างพบประมาณ
ลำตัวมองจากด้านข้าง มีลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความสูงของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของลำตัว เส้นหลังตรงแข็งแรง
เอวสั้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
ขาหน้ามองจากด้านหน้า ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้าทั้ง 2 ข้างขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างอยู่ในแนวเดียวกับหัวไหล่ ขาหน้ามีกระดูกและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กับขนาดของสุนัข ข้อเท้าหน้าแข็งแรง เท้ามีขนาดเล็ก รูปกลมรีไม่แบนเหมือนตีนเป็ด ฝ่าเท้าหนา เท้าชี้ตรงไปด้านหน้า ไม่บิดซ้ายบิดขวา นิ้วติ่งตัดออก เล็บควรตัดสั้น
ขาหลังมองจากด้านหลัง ขาหลังตรง ขนานกัน ขาหลังท่อนบนมีกล้ามเนื้อมาก ข้อเท้าสั้น ตั้งฉากกับพื้น ขาเท้าหลังทำมุมพอประมาณ และสัมพันธ์กับลำตัวส่วนหน้า เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าคือไม่บิดซ้ายบิดขวา
หางโคนหางอยู่ในระดับสูง หางตั้งตรงไม่ชี้เอนไปด้านหลังขณะเดิน หางนิยมตัดออก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของหางทั้งหมด
ขนมีขน 2 ชั้น ขนชั้นบนอ่อนนุ่ม ขนชั้นนอกยาว ขนชั้นนอกนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดหยิกและชนิดหยิกคลายเป็นเกลียวคลื่น พุดเดิ้ลนิยมตัดแต่งขนให้มีรูปทรงต่างๆ กันได้หลากหลายตามแฟชั่นในแต่ละสถานที่ แต่มีข้อบังคับแน่นอนในสนามประกวด ดังนี้ อายุน้อยกว่า 12 เดือน ตัดทรง Puppy Clip เมื่ออายุเกิน 12 เดือนไปแล้วต้องตัดทรง English หรือทรง Continental Clip
สีขนมีขนสีเดียวตลอดทั้งตัว ขนอาจมีสีจางลงได้ พุดเดิ้ลขาวอาจมีสีครีมอ่อนที่หูได้ แต่ไม่ใช่สีตัดกันจนเป็นสีน้ำตาล พุดเดิ้ลสีน้ำตาลช็อกโกแลต กาแฟ แอปปริคอท มักมีจมูก, ขอบตา, เล็บ, ริมฝีปาก สีน้ำตาลเข้มๆ หรือสีตับ ส่วนพุดเดิ้ลสีดำ เทาดำ เทาเงิน ครีม และขาวจะมีจมูก, เล็บ, ขอบตา, ริมฝีปากและไรจมูกเป็นสีดำ


..collie..




ลักษณะทั่วไป

คอลลี่เป็นสุนัขที่ร่าเริง แข็งแรง กระตือรืนร้นต่อสิ่งรอบข้าง เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและยืดหยุ่นดี ไม่งุ่มง่าม ยืนตัวตรงและมั่นคง อกลึกและกว้างแสดงความแข็งแรง ไหล่ลาดเอียงและข้อเท้าที่โค้งพอดีแสดงความเร็วในการวิ่ง ใบหน้าของคอลลี่นั้นแสดงความฉลาดเฉลียว ลำตัวส่วนหน้าและส่วนหลังสมดุลกัน อวัยวะทุกส่วนได้สัดส่วนและประสานกันเป็นรูปร่างที่สวยงามลงตัว


ความเป็นมา


สุนัขคอลลี มีต้นกำเนิดจากบริเวณรอยต่อระหว่างตอนเหนือของประเทศอังกฤษ กับประเทศสกอตแลนด์โดยเกิดจากเมื่อเวลาที่ชาวโรมันเข้ามารุกรานประเทศอังกฤษ




ลักษณะนิสัย

สุนัขคอลลี่เป็นสุนัจที่ชาญฉลาดมาก และชอบที่จะสุงสิงกับคน เพราะฉะนั้นการฝึกสุนัขพันธุ์คอลลี่นี้ จึง ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะทิ้งให้อยู่หลังบ้านตามลำพังเพราะเขาจะรู้สึกขาดความรัก และรู้สึกถูกทอดทิ้งซึ่งจะทำให้เขาซึมเศร้าไป สุนัขพันธุ์นี้รักความสะอาดและเหมาะจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเด็กๆ สุนัขคอลลี่ชอบอยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่นๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นเพศตรงข้าม และถ้าหากผู้เลี้ยงมีสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ต้องเข้าใจว่าสัญชาตญาณของสุนัขเฝ้าแกะ สัตว์ตัวเล็กๆ ที่เหมือนจะชอบวิ่งหนีก็จะถูกต้อนไปยังที่ใดที่หนึ่งซึ่งเขาได้เล็งไว้


การดูแล


สุนัขคอลลี่มีขนยาวสวย และต้องได้รับการแปรงขนทุกอาทิตย์เพื่อให้ขนสวยงามอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าสุนัขคอลลี่จะไม่แสดงอาการกระตือรือร้นขอให้ผู้เลี้ยงพาออกไปเดินเล่น แต่ถ้าได้ไปสุนัขจะเพลิดเพลิน และอารมณ์ดี สุนัขพันธุ์นี้มีความฉลาดและยังตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ มีพรสวรรค์ในการตามรอยและต้อนฝูงสัตว์ เพราะฉะนั้นสุนัขอาจจะอดใจไม่อยู่ เผลอไล่ต้อนสิ่งที่มาเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ตัว ผู้เลี้ยงจะต้องพยายามสอนให้สุนัขเข้าใจ ว่าไม่ควรทำพฤติกรรมแบบนั้น





  ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

สุนัขพันธุ์คอลลี่นี้เหมาะกับเกือบทุกครอบครัวและสามารถเลี้ยงได้ทุกสถานการณ์เพราะสุนัขพันธุ์นี้มีความอ่อนโยนและปรับตัวได้ง่าย


มาตรฐานสายพันธุ์

-
เอว-
ขาหน้าขาหน้าตรง แข็งแรง กระดูกไม่หนาหนักมากเกินไป ถ้าขาทั้งสองข้างอยู่ชิดกันหรือห่างกันเกินไปต้องถูกตัดคะแนน ขาหน้าควรมีเนื้อมากพอสมควร ข้อเท้ายืดหยุ่นได้ดีแต่ไม่ถึงกับอ่อนปวกเปียก
ขาหลังขาหลังมีเนื้อน้อยกว่าขาหน้านิดหน่อย โคนขามีกล้ามเนื้อแข็งแรง ดูปราดเปรียว ข้อศอกโค้งงอพอดี ข้อบกพร่องของขาหลังคือสุนัขมีข้อเข่างอหุบเข้าหากัน
หางหางยาวพอสมควร ถ้าจับหางห้อยลงจะยาวลงมาถึงข้อเท้าหรือต่ำกว่านั้น ปกติหางจะห้อยลงโดยมีปลายงอนเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาวิ่งหรือตื่นเต้นจะยกหางขึ้นแต่ไม่สูงขึ้นมาถึงหลัง
ขนคอลลี่ขนยาวมีขนทิ้งยาวสลวยทั่วทั้งตัว ยกเว้นที่หัวและขา ขนชั้นนอกตรงและหยาบ
สีขนปกตินิยมกันสี่สี ได้แก่ Sable and White, Tri-color, Blur Merle, และสีขาว ไม่มีสีไหนได้รับความนิยมมากกว่ากัน พวกที่มีสี Sable and White นั้นต้องมีสี sable เป็นพื้น แล้วมีสีขาวแซมบริเวณอก คอ ขา เท้าและปลายหาง บางตัวอาจมีแถบสีขาวพาดอยู่กลางหน้าไล่จากกะโหลก ผ่านระหว่างตามาจรดจมูก พวกที่มีสี Tri-color คือมีสีพื้นเป็นสีดำ แซมสีขาวบริเวณอก คอ ขา เท้าและปลายหาง มีเฉดสีดำบนหัวและขา พวกที่มีสี Blur Merle คือมีสีพื้นเป็นสีน้ำเงิน-เทา และ ดำ แซมสีขาวบริเวณอก คอ ขา เท้าและปลายหาง ปกติมีเฉดสีแทนบนหัวและขาเหมือนพวก Tri-colorพวกที่มีสีขาว คือมีสีพื้นเป็นสีขาว แซมด้วยสี Sable หรือ Tri-color หรือ Blur Merle ก็ได้

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

 
American Bulldog
 
 
{pic-alt}
 
 
{pic-alt} ลักษณะทั่วไป

มีขนสั้นและหยาบ สีขนเป็นสีขาว ขาวปนน้ำตาลหรือปนแดงหรือเป็นสีแดงปนขาว


{pic-alt} ความเป็นมา


มาจากสายพันธุ์อิงลิชบุลล์ด็อก




{pic-alt} ลักษณะนิสัย

ตื่นตัวอยู่เสมอ ชอบออกนอกบ้าน เป็นมิตรกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว และคนอื่นที่สมาชิกครอบครัวรับเข้ามา แต่ไม่ชอบคนแปลกหน้าและอาจก้าวร้าวกับสุนัขอื่นได้ เข้ากันได้กับเด็กและสัตว์อื่นรวมทั้งแมวแต่ทั้งนี้ต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่แรก ควรฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งตั่งแต่อายุยังน้อย ๆ เพราะหากฝึกตอนโตแล้วจะดื้อรั้นได้


{pic-alt} การดูแล


เป็นสุนัขที่กินอยู่ง่าย สามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพอากาศ ผู้เลี้ยงควรอาบน้ำทำความสะอาด2 สัปดาห์ครั้ง แต่ต้องแปรงขนให้ทุกสัปดาห์ ด้วยเหตุที่มีภูมิหลังเคยถูกใช้ให้เป็นสุนัขใช้งาน ดังนั้นก็จะต้องพาเดินออกกำลังทุกวัน




{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

คนที่มีประสบการณืเท่านั้นจึงควรเลี้ยง และไม่เหมาะที่นำมาเลี้ยงในเมืองและตามอพาร์ทเมนท์ที่มีพื้นที่คับแคบ เว้นแต่จะผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วและให้ออกกำลังอย่างเพียงพอ



วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

 
Siberian Husky
 
 
 
 
{pic-alt} ลักษณะทั่วไป

ไซบีเรียน ฮัสกี หรือเรียกสั้นๆว่า ไซบีเรียน สุนัขขนาดกลาง ขนฟูแน่น แข็งแรง คล่องแคล่ว มีหน้าตาเป็นอาวุธ เพราะ หน้าดุ ทำให้คนสามารถกลัวได้ ลักษณะจะเหมือนหมาป่า แต่จริงๆแล้วไม่ดุอย่างหน้าตาหรอกนะ เป็นมิตรกับคนและเข้ากับคนได้ง่าย สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนนี้จะรู้จักกันดีในกีฬาลากเลื่อนที่เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม
 

{pic-alt} ความเป็นมา

ไซบีเรียน อัสกีนี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) โดยเพาะพันธุ์มากจากสุนัขในวงศ์สปิตซ์(สุนัขขนยาวและหนา)ของชาวชุกซี ต่อมาได้ถุกนำเข้ามาในอลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900 ต่อมาจึงนำมาไซบีเรียนเลี้ยงเป็นสุนัขตามบ้าน
 
 
 
{pic-alt} ลักษณะนิสัย
 
ไซบีเรียนเป็นสุนัขที่ฉลาดและเป็นมิตร มีซนบ้างเป็นบางครั้ง รักอิสระ ชอบหอนมากกว่าเห่า ที่พิเศษคือชอบวิ่ง แต่ลักษณะนิสัยของไซบีเรียนอัสกี้ นั้นก็แตกต่างกันไปตามตัวของมันเอง

{pic-alt} การดูแล

การให้อาหารสุนัขไซบีเรียนนั้น จะให้ 2-3 ครั้ง/วัน ได้ แต่สุนัขพันธุ์นี้จะค่อนข้างกินอะไรยากอยู่เช่นกันหากไม่ถูกปาก มันจะยอมอดอาหารได้ 3-4 วัน ดังนั้นวิธีการที่จะกระตุ้นความอยากอาหารได้คือการพาสุนัขไปออกกำลังกาย ส่วนของอาหารนั้นผู้เลี้ยงสามารถสามารถนำอาหารสำเร็จรูปมาผสมกับอาหารอื่นได้เพื่อเพิ่มรสชาติและอรรถรสในการกินมากขึ้น อาหารที่สุนัขไซบีเรียนโปรดปรานที่สุด คืออาหารที่มีปลาผสมอยู่ในอาหาร สุนัขจะกินหมดได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องของการทำความสะอาดนั้น ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป อาบ2-3 สัปดาห์ต่อครั้งก็พอ เพราะไซบีเรียนนั้นเป็นสุนัขสะอาด ไม่มีกลิ่นตัว หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สกปรกก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ ก็ได้ ที่สำคัญเวลาอาบน้ำต้องใช้แชมพูอาบน้ำสุนัขโดยเฉพาะ ควรมีความอ่อนโยนมากๆ และหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วจะต้องใช้ไดร์เป่าขนให้แห้งสนิท อาจใช้ระยะเวลานาน แต่เพื่อไม่ทำให้น้องไซบีเรียนเป็นโรคผิวหนัง

เรื่องของขนสุนัขไซบีเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้เลี้ยงควรใส่ใจ หากอยู่ในช่วงฤดูผลัดขนนั้น มันจะมีปริมาณขนที่ผลัดออกมาเยอะมากๆ ฉะนั้นผู้เลี้ยงควรจะต้องมั่นดูแล และแปรงขน เพื่อไม่ให้เกิดขนพันกัน ส่วนเรื่องของสุขภาพของสุนัขก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและผู้เลี้ยงควรจะให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพจิตของสุนัขดีขึ้นด้วย ควรใช้เวลาการออกกำลังกาย 15 นาที/วัน ดีที่สุดและทำทุกๆวัน

ผู้เลี้ยงจะต้องทราบว่าหากไม่ได้พาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไซบีเรียนจะกลายเป็นตัวยุ่ง ก่อความรำคาญในทันที เพราะมันจะเกิดความเบื่อหน่าย จึงต้องหาอะไรทำเพื่อลดออาการเบื่อหน่ายลงไป อีกทั้งการออกกำลังกายยังเป็นการช่วยกนะตุ้นให้ไซบีเรียนนั้นอยากอาหารไปในตัวอีกด้วย



{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

ไซบีเรียนเหมาะสำหรับคนที่พร้อมจะดูแล มีเวลาให้ และให้ทุกอย่างที่มันต้องการได้ ไม่ว่าจะออกกำลังกาย และมิตรภาพจากเจ้าของ เพื่อสร้างมิตรภาพระหว่างเจ้านายกับสุนัข จะทำให้สุนัขเชื่อฟังและไม่ดื้อกับเจ้าของของมัน

{pic-alt} ข้อควรจำ

เป็นสุนัขที่ไม่ชอบเห่า แต่ชอบหอนเป็นที่สุด แถมยังเป็นสุนัขที่รักอิสระ ไม่ควรอย่างยิ่งหากจะบังคับให้เค้าทำอะไรมากๆโดยไม่จำเป็น หากทำอะไรรุนแรง เจ้าไซบีเรียนก็ไม่ไว้ใจและระแวงในที่สุด


{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาดความสูงของเพศผู้อยู่ที่ 21 - 23.5 นิ้ว ขณะที่ความสูงของเพศเมียอยู่ที่ 20 - 22 นิ้ว
ศรีษะมีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกมีลักษณะกลม หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง
ฟัน-
ปากความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม
ตามีลักษณะรูปกลมรี อยู่ห่างกันพอประมาณ สีตาจะมีสีฟ้าหรือน้ำตาลเข้ม , เขียว , น้ำตาลอ่อน , เหลือง และแก้วตาหลายสี เช่น เหลืองข้างหนึ่ง ฟ้าข้างหนึ่ง
หูมีขนาดปานกลาง อยู่ในรูปสามเหลี่ยมส่วนปลายของหูนั้นจะมน ลักษณะเหมือนหูผึ่ง
จมูกส่วนจมูกจะมีสีดำแซมด้วยสีเทาในสุนัขที่แทนและสีดำ สีเลือดหมูในสุนัขสีทองแดง และจะมีสีเนื้อในสุนัขสีขาว
คอมีความยาวปานกลาง ในท่ายืนจะดูสง่าคอตรง เมื่อวิ่งหรือเดิน จะมีลักษณะโค้ง และคอจะยืดไปด้านหน้า
อกไม่กว้างเกินไป จุดที่ลึกที่สุดอยู่ด้านหลังและเป็นระดับเดียวกันกับข้อศอก กระดูกซี่โครงมั่นคงเชื่อมต่อจากกระดูกสันหลัง มีลักษณะแบนด้านข้างเพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ลำตัว-
เอว-
ขาหน้าขาจะมีช่องว่างห่างกันเล็กน้อยพอประมาณ ขนานและตั้งตรง ข้อศอกจะติดกับลำตัว
ขาหลังท่อนบนจะมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ขาหลังทั้งสองข้างจะตั้งตรงและขนานกัน ห่างกันพอประมาณ
หางจะเหมือนพู่เหมือนหางหมาจิ้งจอก รูปโค้งเหนือหลังและลากไปทางด้านหลังเมื่อเคลื่อนไหว
ขนไซบีเรียนจะมีขน 2 ชั้น มีความยาวปานกลาง โดยขนชั้นในจะนุ่ม ขนชั้นนอกจะตรงเหยียดเรียบไม่หยาบ
สีขนมีทุกสีตั้งแต่สีดำไปจนถึงสีขาวล้วน จะมีสีแต้มหรือตำหนิบนศีรษะ และลำตัว





..Beagle..

 


ต้นกำเนิด                 
                         สุนัขล่าเนื้อปรากฎอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาวกรีกโบราณเมื่อ 400 ปีก่อนคริสต์กาล และถูกนำเข้ามาในประเทศอังกฤษในสมัยโรมัน และในปี ค.ศ. 1550 ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขล่าเนื้อขนาดเล็กสำหรับล่ากระต่ายและกระต่ายป่าขึ้นมา โดยตั้งชื่อว่า "Begles" มาจากภาษาฝรั่งเศสหมายถึง "คอเปิดอ้า" หมายความถึงสุนัขที่มักจะใช้ปากเพื่อส่งเสียง เช่น เห่าหอนเมื่ออยู่ในฝูง ชาวอังกฤษได้แปลงชื่อเป็น 'Beagle' และต่อมาประเทศอังกฤษได้กลายเป็นถิ่นกำเนิดสุนัขบีเกิ้ลสายพันธุ์ใหม่ บรรพบุรุษของสุนัขบีเกิ้ลคือ ฟอกซ์ฮาวน์ ซึ่งจัดอยู่ในสายพันธุ์แฮริเออร์ กลุ่มบลัดฮาวน์ขนาดเล็กที่มีชื่อว่า "เคอร์รี่ บีเกิ้ล" เดิมที สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ลมีหลายขนาดและมีขนหลายแบบ เช่น ขนเรียบแบบ สุนัขล่าเนื้อสมัยใหม่ และขนหยาบสั้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ "บีเกิ้ลกระเป๋า" ที่มีความสูง 10 นิ้ว เพื่อให้สามารถพกพาโดยใช้กระเป๋าที่แขวนบนอานม้าได้
 
 






ลักษณะประจำสายพันธุ์

                      ลักษณะของบีเกิ้ลที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ส่วนหัวยาวสวยงามและกะโหลกด้านบนโค้งเล็กน้อย หูมีปลายมน เมื่อจัดให้อยู่ในท่ายืนหน้าตรง หูจะห้อยติดกับหัว และยาวในระดับเดียวกับปลายจมูก กระบอกปากยาวปานกลางและมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม รูจมูกมีสีดำเปิดกว้าง ขนาดใหญ่ ตาห่างกันพอประมาณ อาจมีสีน้ำตาลหรือสีฮาเซล คอยาวปานกลาง ไม่มีรอยยับย่น ไหล่ลาด ประกอบด้วยกล้ามเนื้อแต่ไม่เทอะทะ หลังสั้นและตรง ขาเหยียดตรง ข้อเท้าใหญ่ สะโพกจะต้องมีกล้ามเนื้อสวยงามเพื่อให้รูปร่างของบีเกิ้ลดูแข็งแรงและกระทัดรัด โคนหางสูงพอเหมาะ โค้งเล็กน้อย มีขนที่ปลายหาง สีที่ได้รับการยอมรับในเวทีประกวดคือสีในกลุ่มฮาวน์ ยกเว้นสีน้ำตาลแดงเข้ม (Liver Color)
  • ขนาดสายพันธุ์: เล็ก
  • ประเภทสายพันธุ์: บีเกิ้ลจัดเป็นสุนัขล่าเนื้อที่เล็กที่สุด ปัจจุบันมีการเีลี้ยงบีเกิ้ลเพื่อใช้ในการกีฬาและเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน
  • รูปร่างลักษณะ: บีเกิ้ลเป็นสุนัขขนาดตัวเล็กแต่รูปร่างหนาและแข็งแรง ดูเป็นมิตร ใจดี กระทัดรัดปราดเปรียว และเก่งกาจในด้านกีฬา ชอบวิ่งเล่นอย่างอิสระ มีขนสั้นและหนาที่ช่วยป้องกันร่างกายจากสภาพอากาศ
  • สี: ที่เห็นได้ทั่วไปส่วนใหญ่มักมีขนสามสีคือ สีดำ ขาว และสีแทน แต่ก็สามารถพบเห็นบีเกิ้ลมีสีอื่นๆ ได้ในสีของสุนัขกลุ่มฮาวน์
  • ความยาวขน: สั้น/เรียบ


น้ำหนัก / ส่วนสูง



                     บีเกิ้ลทั้งเพศผู้และเพศเมียมีส่วนสูงเมื่อวัดจากเท้าถึงจุดสูงสุด บนไหล่ประมาณ 13-16 นิ้ว และหนัก 17-31 ปอนด์ ในอเมริกา บีเกิ้ลมีสองขนาดได้แก่ บีเกิ้ลที่มีความสูงไม่เกิน 13 นิ้ว (วัดจากเท้าถึงจุดสูงสุดของไหล่) และไม่เกิน 15 นิ้ว (วัดจากเท้าถึงจุดสูงสุดของไหล่)

การเจ็บป่วย
                    บีเกิ้ลมีสุขภาพแข็งแรงมาก จึงมีโรคประจำสายพันธุ์น้อย

อุปนิสัย
                   ใจดีและเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดี บีเกิ้ลจะพยายามเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างเต็มที่ บีเกิ้ลรักเด็ก แต่ถ้าเจ้าของอยากให้บีเกิ้ลเข้ากับแมวได้ดี จะต้องให้บีเกิ้ลทำความคุ้นเคยกับแมวตั้งแต่ยังเล็ก บางครั้งอาจพบว่าบีเกิ้ลชอบเดินไปรอบๆ บ้าน ใช้จมูกดมกลิ่นไปทั่ว นั่นแสดงว่าบีเก้้ิลกำลังสร้างแผนที่อาณาเขตของตนเองโดยใช้กลิ่นเป็นตัวกำหนดอาณาเขต บีเกิ้ลจะตรวจสอบอาณาเขตเป็นระยะ ถ้าพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ก็จะเห่าส่งเสียงเตือน ทำให้บีเกิ้ลสามารถเฝ้าบ้านได้ดี หากมีขโมยเข้าบ้าน บีเกิ้ลจะเข้าโจมตีเพื่อไล่ขโมยออกไปจากอาณาเขตส่วนตัว



ความฉลาด
                   การฝึกบีเกิ้ลต้องทำตั้งแต่อายุยังน้อย มิฉะนั้นจะไม่สามารถควบคุมบีเกิ้ลได้ แต่มักจะแสดงนิสัยประจำสายพันธุ์ให้เห็น เช่น กินมากเกินไปและทำสกปรกวุ่นวาย เป็นต้น นอกจากนี้ บีเกิ้ลยังมีนิสัยชอบสร้างความพอใจให้เจ้าของ โดยเจ้าของต้องออกคำสั่งที่หนักแน่น มั่่นคง บีเกิ้ลที่ไม่ได้รับการฝึกตั้งแต่อายุยังน้อยจะไม่ยอมรับคนแปลกหน้า และอาจส่งเสียงเห่าในระดับที่ก่อให้เกิดความรำคาญ

พลังงาน   สูง

ความต้องการในการออกกำลังกาย
                   บีเกิ้ลจำเป็นต้องได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะมีสัญชาตญาณในการล่าสูงมาก เจ้าของจะไม่สามารถถอดสายจูงออกได้จนกว่าบีเกิ้ลจะได้รับการฝึกให้กลับมาหาเจ้าของเมื่อได้ยินสัญญาณเรียกเสียก่อน การฝึกอาจใช้ระยะเวลานาน และต้องจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีรั้วสูงไม่น้อยกว่า 6 ฟุตล้อมรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้กระโดดหนีออกไปข้างนอก เพราะเมื่อใดที่่ได้กลิ่นและมีโอกาสออกไปนอกบ้าน บีเกิ้ลมักจะไม่ยอมกลับมาง่ายๆ นอกจากนี้ บีเกิ้ลมีพรสววรค์ในการหลบหนี ซึ่งวิธีทำให้สงบลงคือการปล่อยให้บีเกิ้ลได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณในการล่าตามธรรมชาติออกมาบ้าง เพราะบีเกิ้ลต้องออกกำลังกายมากเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนัก




การให้อาหารและการเป้นเจ้าของ
                  บีเกิ้ลไม่ใช้สุนัขที่เลือกกิน เจ้าของสามารถให้อาหารแห้งหรืออาหารกระป๋องวันละหนึ่งถึงสองครั้ง และควรระมัดระวังเกี่ยวกับปริมาณอาหาร เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน

การดูแลตกแต่งขน
                  บีเกิ้ลเลี้ยงง่าย การดูแลขนทำได้โดยการใช้แปรงแปรงเร็วๆ เป็นประจำทุกวัน เพื่อกำจัดขนร่วงและขนที่ตายแล้วให้หลุดออกไป อย่างไรก็ตาม บีเกิ้ลมักชอบคลุกตัวกับสิ่งที่มีกลิ่นเหม็น แต่ก็สามารถจับอาบน้ำได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังชอบกินอาหารสกปรก เจ้าของอาจต้องใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัขแปรงฟันให้อย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจดูหูเป็นประจำ เพื่อความสะอาดปราศจากการติดเชื้อ